วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เกอิชา ตอนที่2

ต่อกันเลยนะค่ะ....





.....ฉันมองท่านประธานเดินจากไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว หากแต่เป็นความปวดร้าวด้วยความปลื้มปีติ
จากการที่ได้เจอะเจอท่านประธานกรรมการผู้นั้นเพียงชั่วระยะสั้นๆ ความรู้สึกนึกคิดของฉันก็ได้เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ
จากเด็กหญิงซึ่งมีแต่ความว้าเหว่ว่างเปล่า กลับกลายมาเป็นเด็กซึ่งเกิดความมุ่งมั่นในชีวิตขึ้นอย่างประหลาด
ฉันอดคิดเพ้อเจ้อไปไม่ได้ว่า นี่ถ้าฉันเป็นเกอิชาที่ชื่ออิซูโกะคนนั้น ป่านนี้ฉันก็คงได้นั่งอยู่ข้างๆ ท่านประธาน ไม่ต้องเดินหงอยๆ กลับมานั่งที่ตรงนี้ แล้ววาดภาพเขาด้วยความคิดถึงอยู่อย่างนี้ดอก
ฉันไม่เคยนึกริษยาเกอิชาหรืออยากจะเป็นเกอิชามาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้
ความจริงฉันถูกซื้อตัวมาอยู่ที่เกียวโตนี่ ก็เพื่อที่จะได้เป็นเกอิชา แต่ตลอดเวลาดังกล่าว ฉันก็เอาแต่คิดจะวิ่งหนีกลับบ้านเดิมอยู่ทุกเวลานาที
เศษเงินที่ท่านประธานให้มาเมื่อซื้อน้ำแข็งไสแล้วก็ยังเหลืออีกมาก ฉันแบมือออกดู มันมีเหรียญขนาดต่างๆ กันอยู่ถึง 3 ขนาด
ตอนแรกฉันคิดจะเก็บเศษเงินเหล่านั้นเอาไว้โดยไม่ยอมหยิบออกใช้ตลอดกาล
แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เมื่อนึกถึงว่ายังมีวิธีอื่นอีกที่จะทำให้เงินจากท่านประธานได้ใช้ไปอย่างคุ้มค่า
ฉันรีบตรงดิ่งไปยังชิโจะ อเวนิว แล้วก็วิ่งไปตลอดทางจนสุดถนนสายนั้น ทางด้านตะวันออกสุดของย่านกิออน ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดกิออน ฉันขึ้นบันไดไปได้หน่อยหนึ่งแล้วก็เกิดนึกคร้ามเกรงความใหญ่โตของวัด จึงเดินอ้อมไปทางด้านหลังเสียแทน ตรงนั้นเมื่อเดินลอดประตูวิญญาณเข้าไปก็จะเป็นทางเข้าวิหารได้เช่นเดียวกัน
ฉันโยนเศษเงินทั้ง 3 เหรียญลงในหีบบริจาค ด้วยว่าเงินเพียงแค่นี้ก็สามารถปลดปล่อยฉันให้หลุดพ้นจากพันธะแห่งความทุกข์ทางใจที่มีต่อสภาพชีวิตในกิออนได้เช่นกัน
ฉันปรบมือขึ้น 3 ครั้ง อันเป็นการคารวะพระพุทธ รูปแบบญี่ปุ่น แล้วก็โค้งตัวลงอย่างต่ำ หลับตาลงประสานมือ แล้วก็อธิษฐาน
ฉันอธิษฐานขอให้พวกเขายินยอมให้ฉันได้ฝึกเป็นเกอิชาอีกสักครั้งหนึ่งเถิด ฉันจะยอมอดทนต่อความทุกข์และความยากลำบากทั้งปวงโดยไม่ปริปากบ่นเลย ด้วยว่าการเป็นเกอิชานั้นจะทำให้ฉันสามารถพบคนดีมีเมตตาแบบท่านประธานได้
เมื่อเสร็จจากการอธิษฐานและลืมตาขึ้นอีกครั้ง ฉันก็ยังได้ยินเสียงยวดยานในถนนฮิกาชิโอจิ อเวนิวเหมือนเมื่อสักครู่ ใบไม้ก็ยังพลิ้วลมเสียงซู่ๆ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อยนิด
พระจะได้ยินคำอธิษฐานของฉันหรือเปล่า ฉันก็ตอบไม่ได้ ฉันไม่มีทางอื่นให้เลือกปฏิบัติเลย นอกจากจะยัดผ้าเช็ดหน้าของท่านประธานลงในอกเสื้อ แล้วก็บ่ายหน้ากลับโอกิยะ......






.....ขณะนั้นสาวใช้ยกน้ำชามาเสิร์ฟพอดี
“ฉันคงไม่กล้าพนันกับคุณนายนิตตะหรอกนะชิโยะ ถ้าฉันไม่เชื่อแน่ว่าเธอจะสามารถทำได้สำเร็จ” มาเมฮาพูด “...นี่แน่ะ จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะ ไหนๆ เธอก็จะต้องมาเป็นเกอิชาน้องสาวของฉันแล้ว ฉันน่ะเป็นคนเข้มงวดและจู้จี้พิถีพิถันมากเลยนะ..”
มาเมฮานิ่วหน้าเมื่อพูดต่อ
“แล้วก็นี่นะ ชิโยะ เลิกเป่าน้ำชาในถ้วยให้หายร้อนแบบนั้นเสียทีเถอะ ดูราวกับเด็กชาวนาแน่ะ วางทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนรอให้ค่อยยังชั่วร้อนแล้วค่อยจิบซิ”
“หนูขอโทษค่ะ” ฉันบอกเสียงอ่อย “หนูไม่รู้ตัวเลยว่ามันน่าเกลียด”
“ต่อไปนี้เธอต้องรู้จักสังเกตและเริ่มระวังเรื่องกิริยามารยาทได้แล้ว ไหนๆ ฉันก็บอกเธอแล้วว่าฉันเป็นคนเข้มงวด เพราะฉะนั้นฉันจะลงมืออบรมเธอเลยนะ”
ต่อไปนี้เธอจะต้องทำทุกอย่างที่ฉันบอกโดยไม่ถามหรือตั้งข้อสงสัยด้วยประการใดๆ ทั้งนั้น เข้าใจมั้ย.....



.....การเรียนดนตรีที่โรงเรียนเกอิชาจึงต้องเรียนทั้งการเล่นให้ได้เสียงไพเราะ ถูกต้อง แล้วก็ประสานเสียงกลมกลืนขณะเดียวกันผู้เล่นก็ต้องดูสง่างามชวนมองอีกด้วย
ในช่วงเช้าเมื่อเสร็จจากการเรียนกลอง ฉันก็ต้องไปเยนขลุ่ยญี่ปุ่นตามด้วยพิณซามิเซ็ง
กรรมวิธีในการเรียนเครื่องดนตรีทั้ง 3 แบบนี้คล้ายๆ กันคือ ครูลองเล่นให้ฟังท่องสั้นๆ ก่อน แล้วนักเรียนก็หัดเล่นตาม
หลักจากเรียนกล่อง ขลุ่ย และซามิเซ็งแล้ว ฉันก็ยังต้องเรียนการร้องเพลงอีกด้วย
ในญี่ปุ่นเรามักร้องเพลงกันเสมอเวลามีงานเลี้ยง และพวกผู้ชายนั้นก็มักจะมาที่ย่านกิออนเวลาจะมีเลี้ยงกัน และพวกผู้ชายนั้นก็มักจะมาที่ย่านกิออนเวลาจะมีเลี้ยงกัน ถึงแม้ว่าเกอิชาบางคนจะเสียงไม่ดีและไม่มีใครขอให้ร้องเพลงให้ฟัง หล่อนก็ยังต้องเรียนการร้องเพลงอยู่ดี เพื่อให้เข้าใจศิลปะการร่ายรำยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เนื่องจากนางรำจะต้องร่ายรำตามเสียงดนตรี ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ได้มีเครื่องดนตรีหลายชิ้น หากมีเพียงซามิเซ็งกับเสียงเพลงจากนักร้องเท่านั้น
เกอิชาฝึกหัดทุกคนจะต้องเรียนศิลปะการร่ายรำอย่างที่ฉันเคยบอกแล้ว หากแต่คนที่มี ความ
สามารถเฉพาะหรือสวยเด่น ก็จะถูกคัดไปเรียนการร่ายรำระดับสูงต่อไป ขณะที่คนอื่นๆจะถูกเคี่ยวไปเรียนหนักในด้านการร้องเพลงหรือดีดซามิเซ็ง.....



.....ขณะที่ฉันเดินตามหลักมาเมฮาไปในถนน เกือบทุกคนที่เราเดินผ่านจะต้องพูดหรือทักทายหล่อน อย่างน้อยที่สุดก็คือโค้งให้ ซึ่งทุกคนก็จะโค้งให้ฉันด้วยเช่นเดียวกัน หรือไม่ก็ผงกหัวทักนิดหนึ่ง
หญิงสาวคงจะสังเกตเห็นความประดักประเดิดนี้ จึงดึงตัวฉันเข้าไปในตรอกเล็กค่อนข้างเงียบตรอกหนึ่ง แล้วสอนให้ฉันรู้จักวิธีเดินที่ถูกต้อง
ฉันฝึกหัดการเดินโดยมาเมฮาคอยติชมอย่างเอาจริง ฉันเดินไปก็คอยก้มลงมองดูข้อเท้าไป เพื่อที่จะดูว่าสามารถสะบัดชายกิโมโนให้ดูพลิ้วสวยอย่างที่หล่อนสอนแล้วหรือยัง
พักใหญ่มาเมฮาจึงพอใจ แล้วเราก็ออกเดินต่อไป
แล้วบ่ายนั้นฉันก็ถือโอกาสเล่าให้มาเมฮาฟังถึงการทำพิธีสาบานเป็นเกอิชาพี่น้องของฮัตสุโมโมะกับฟักทอง แต่ก็น่าแปลกที่หลายเดือนถัดจากนั้น มาเมฮาก็ยังไม่ยอดปริปากถึงการออกเป็นเกอิชาฝึกหัดของฉันอย่างฟักทองบ้างแต่ประการใด.....


บทความจาก "เกอิชา" >>> วิหยาสกำ <<<