วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เกอิชา ตอนที่3

ตัวอย่างภาพประกอบ....ตอนจบแล้วจ้า!!!





.....ฉันมองดูเงาตัวเองแล้วก็ตื้นตันจนน้ำตาเอ่อกบนัยน์ตาจนต้องแหงนเงยขึ้นเพื่อไม่ให้ไหลย้อยลงมาเลอะใบหน้า
ก่อนออกจากโอกิยะ ฉันก็คว้างหยิบผ้าเช็ดหน้าซึ่งท่านประธานให้เช็ดน้ำตาเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็ยัดใส่ไว้ในโอบิ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง
แรกทีเดียวฉันต้องไปที่อพาร์ทแม้นท์ของมาเมฮาก่อน เพื่อน้อมคำนับขอบคุณหล่อนที่กรุณาให้เกียรติลดตัวลงมาเป็นเกอิชาพี่สาวของฉัน ซึ่งป้าก็ไปกับฉันด้วย
สำหรับชื่อเกอิชาซายูริของฉันนั้น มาเมฮาได้ไปปรึกษาหมอดูและเลือกเฟ้นอยู่นาน ชื่อจะฟังไพเราะหรือไม่นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าเขียนออกมาแล้วตัวอักษรจะสวยหรือไม่ ต้องตวัดพู่กัน ตวัดขีดกี่ขีด ซึ่งจำนวนเส้นที่ขีดนั้นสามารถจะบ่งบอกถึงโชคดีหรือโชคร้ายของเจ้าของชื่อได้
คำแรกของชื่อคือ
ซา หมายความว่า ร่วมกัน
ยู คือ ราศีปีไก่หรือระกา เพื่อให้สมดุลกับธาตุน้ำในตัวของฉัน
ส่วน ริ นั้นหมายถึง ความเข้าใจ
ทุกคำซึ่งประกอบกันเป็นชื่อสมพงศ์กับชื่อของมาเมฮาเป็นอันดี แต่ชื่อซึ่งเข้าหมู่เข้าพวกกับชื่อของหล่อนนั้นหมอดูบอกว่าไม่เป็นสิริมงคลต่อฉัน เพราะฉะนั้นอย่างเลือกดีกว่า.....




.....ฮัตสุโมโมะก็ยิ้มเวลาที่หล่อนมีความสุขเหมือนกับคนอื่น ๆ ไม่มีอะไรแปลก เพียงแต่หล่อนจะยิ้มเยื้อนอย่างมีความสุขยิ่งขึ้น ถ้าหากกำลังจะทำให้ใครสักคนต้องได้รับทุกข์ ดังนั้นหล่อนจึงยิ้มแย้มยิ่งนัก เมื่อเอ่ยว่า
“ต๊ายตาย บังเอิญอะไรยังงี้นะ ยายเด็กน้องใหม่คนนั้นนั่นเอง แต่แหม! เรื่องนี้ฉันไม่อยากพูดต่อไปเลย ประเดี๋ยวเด็กมันจะกระดากแย่”
ฉันได้แต่นึกภาวนาให้มาเมฮารีบพาฉันออกไปจากที่นี่หากแต่หล่อนก็เพียงแต่ชำเลืองมองฉันแวบหนึ่งอย่างเป็นห่วงเท่านั้นเอง
หล่อนคงดูออกว่าการปล่อยฮัตสุโมโมะไว้ตามลำพังกับลูกค้ากลุ่มนี้ ก็เหมือนวิ่งหนีออกจากบ้านเมื่อเกิดไฟลุกขึ้นในบ้านนั่นเอง ที่ถูกแล้วเราควรจะอยู่ แล้วจัดการดับไฟมากกว่า.....




.....เมื่อฉันไปถึง มาเมฮายังไม่กลับจากทำงาน สาวใช้พาฉันไปยังห้องแต่งตัว แล้วก็ช่วยแต่งหน้าให้ จากนั้นจึงช่วยสวมกิโมโนซึ่งมาเมฮาหยิบเตรียมเอาไว้ให้แล้ว
ฉันชินแล้วที่จะสวมกิโมโนของมาเมฮา ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยที่เกอิชาจะให้คนอื่นยืมกิโมโนแบบนี้ เพื่อนฝูงกันอาจจะขอยืมกิโมโนใส่ได้ครั้งสองครั้ง แต่เกอิชาพี่สาวมักจะไม่ให้เกอิชาน้องสาวใส่กิโมโนของตัวเองเรื่อยๆแบบที่มาเมฮาทำ
และจะพูดไปแล้วละก็ มาเมฮาก็ยุ่งยากเพราะฉันไม่น้อยเลย เนื่องจากหล่อนไม่ได้สวมกิโมโนแขนยาวกรุยกรายแบบสาวๆๆอีกแล้ว ดังนั้น เมื่อจะให้ฉันขอยืมสวมหล่อนก็ต้องไปรื้อออกมาจากห้องเก็บของเป็นเรื่องใหญ่ ฉันยังเคยนึกอยู่บ่อยๆเลยว่าหล่อนทำดีกับฉันอย่างนี้ต้องการอะไรตอบแทนบ้างหรือเปล่านะ
ฉันเติมหน้าอีกหน่อยหนึ่ง แล้วจึงติดเครื่องประดับผมจากนั้นก็สอดผ้าเช็ดหน้าของท่านประธานไว้ในโอบิ ผ้าเช็ดหน้านี้ฉันจะนำติดตัวไปด้วยเสมอเวลาไปงานสำคัญๆ โดยถือเป็นขวัญและกำลังใจ
เมื่อมองดูเงาตัวเองในกระจก ฉันก็แทบสำลักลมหายใจด้วยความตื่นเต้น วันนี้มาเมฮาจัดแจงให้ฉันได้แต่งเนื้อแต่งตัวจนสวยผิดตาไม่น่าเชื่อ
เมื่อมาเมฮากลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ ฉันก็อดแปลกใจไม่ได้ที่พบว่าหล่อนกลับเปลี่ยนเสื้อผ้าและเลือกแต่งตัวอย่างเรียบง่ายที่สุด จนดูธรรมดายิ่ง
คือเป็นกิโมโนสีน้ำตาลอมเหลืองเหมือนสีของมันฝรั่ง มีริ้วเล็กๆบางๆสีเทาอ่อน ส่วนโอบิดูเรีบยง่ายเช่นกัน คือพื้นสีน้ำเงินเข้มข้าวหลามตัดสีดำ
ดังนั้นขณะที่เดินด้วยกันในถนน พวกผู้หญิงซึ่งโค้งตัวให้มาเมฮาจึงกลับจ้องมองฉันแทนหล่อนแทบจะทุกคนไปเลยทีเดียว.....




.....ฉันทรุดกายลงโค้งคำนับชายทั้งสอง แล้วก็เอ่ยฝากเนื้อฝากตัวตามธรรมเนียม เมื่อจบเสร็จก็คุกเข่านิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
คุณโนบุไม่ได้สนใจจะพูดคุยด้วย เขาหันไปพูดกับชายอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งถัดไป จึงเหลือแต่เพียงท่านประธานเท่านั้นที่ยังนั่งนิ่งๆ มือกุมถ้วยชาซึ่งวางอยู่ในถาดบนตัก ขณะที่มาเมฮาลงมือชวนเขาคุย ฉันก็เอื้อมไปหยิบกาน้ำชาแล้วดึงแขนเสื้อขึ้นเพื่อเตรียมริน
ฉันอดแปลกใจไม่ได้เมื่อพบว่าสายตาของท่านประธานเลื่อนปราดมาจับยังท่อนแขนอันเปล่าเปลือยของฉันทันที
ฉันอดรู้สึกวาบหวามไม่ได้เมื่อตระหนักว่าเขากำลังจ้องมองอะไรอยู่ แสงสว่างภายในอาคารไม่มากนัก ดังนั้นท่อนแขนเมื่อดึงชายแขนเสื้อขึ้นจึงดูผุดผ่องยองใยในความสลัวน่ามองจนกระทั่งแม้แต่ตัวฉันเองก็รู้ตัว
และแล้วมาเมฮาซึ่งกำลังคุยเจื้อยแจ้วอยู่ก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆ ทีแรกฉันก็นึกว่าหล่อนหยุดพูดเพราะสังเกตเห็นว่าท่านประธานมัวแต่มองแขนของฉันไม่วางตา แต่แล้วฉันจึงรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด
กาน้ำชานั้นไม่มีน้ำชาเหลืออยู่อีกแล้ว มันไม่มีเหลือตั้งแต่ก่อนฉันจะยกขึ้นมาตั้งท่ารินเสียอีก
หัวใจอันพองโตของฉันฟุบแฟบลงทีนทีด้วยความอับอาย ฉันพึมพำขอโทษละล่ำละลัก แล้วก็รีบวางกาน้ำชาลงลนลาน
มาเมฮาหัวเราะ
“เด็กคนนี้เอาการเอางานนะคะ ท่านประธาน” หล่อนพูด “นี่ถ้ามีน้ำชาเหลืออยู่ในกาสักหยดหรือสองหยด หล่อนก็ต้องพยายามรินออกจาจนได้น่ะแหละ”
“กิโมโนที่เกอิชาน้องสาวของเธอสวมสวยดีนะมาเมฮา”
ท่านประธานกลับพูดไปเสียอีกเรื่อง “ดูเหมือนฉันจะเคยเห็นเธอสวมสมัยเป็นเกอิชาฝึกหัดนะ ใช่ไหม”
ถ้าฉันยังสงสัยลังเลใจอยู่ในตอนแรกๆ ว่าคุณอิวามูระเคน คือท่านประธานของฉันจริงๆ หรือเปล่า บัดนี้ฉันก็สามารถจะแน่ใจได้แล้ว ด้วยว่าเสียงพูดของเขาเป็นเสียงอันนุ่มนวล มีเมตตาของท่านประธานไม่ผิดไปได้.....




.....และแล้วความน้อยใจเสียอกเสียใจก็พรั่งพรูเข้ามา ริมฝีปากของฉันสั่นระริก ฉันก้มหน้าลงแล้วร้องไห้อย่างเสียอกเสียใจราวกับเป็นเด็กเล็กๆ
ฉันแปลกใจไม่น้อยที่โนบุรีบถามทันทีอย่างกังวลใจว่า
“ฉันทำให้เธอเสียใจหรือนั่น”
เมื่อร้องไห้ออกมาเสียแล้ว มันก็ไม่ยากอะไรนักหนาดอกที่จะสะอึกสะอื้นประกอบ
คุณโนบุจ้องหน้าฉันนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงปรารภว่า
“เธอนี่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ไม่น้อยเลยนะ ซายูริ”
พักใหญ่ถัดจากเหตุการณ์นั้น ขณะที่เรานั่งรถลากกลับย่านกิออนด้วยกัน มาเมฮาก็หันมาทางฉันอย่างตื่นเต้นแล้วพูดว่า
“นักมวยปล้ำทำให้ฉันคิดอะไรขึ้นมาอย่าหนึ่งแล้วละ ฮัตสุโมโมะต้องถูกทุ่มกระเด็นไปด้วยกลยุทธ์แบบนี้แหละ หล่อนจะนึกไม่ถึง และกว่าจะรู้ตัวก็กระเด็นไปแล้ว”
“คุณนึกแผนอะไรออกหรือค่ะ มาเมฮาซัง บอกฉันบ้างได้ไหมค่ะ”
“ไม่หรอก ฉันยังไม่บอกอะไรแก่ใครทั้งนั้น ตอนนี้ที่จะต้องทำมีอยู่อย่างเดียวคือใช้เธอผูกใจคุณโนบุเข้าไว้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาแล้วก็ก็ผู้ชายอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“ใครค่ะ”
ผู้ชายที่เธอยังไม่รู้จัก...เอาละ เลิกพูดกันเถอะ ฉันบอกเธอมากเกินไปเสียแล้ว การที่เธอได้รู้จักคุณโนบุวันนี้น่ะ ดีจริงๆ เขานั่นแหละเป็นคนที่จะช่วยเธอได้ ซายูริเอ๋ย”
ฉันอดเสียใจวูบขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้ยินที่มาเมฮาพูดถ้าจะมีใครสักคนหนึ่งซึ่งจะช่วยฉันได้ ฉันจะอยากจะให้เป็นท่านประธาน ไม่ใช่ผู้ชายคนไหนทั้งนั้นในโลกนี่นะ.....


บทความบางตอนจาก "เกอิชา">>>วิหยาสะกำ<<<
ส่วนภาพประกอบทั้งหมดโดย..ปิยะณัฐ จ้า!!!