วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Illustrator "ความสุขของกะทิ"

กลับมาอีกครั้งค่ะ....วันนี้จะเองงานฝีมือตัวเองมาอวดนะค่ะ อิอิ


ก่อนอื่นต้องเล่าให้ฟังก่อนว่าหนังสือเรื่อง"ความสุขของกะทิ"เป็นวรรณกรรมที่โดดเด่นมากเรื่องการใช้ภาษา การดำเนินเรื่องเรื่อง>>>ขนาดคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสืออย่างเรา อ่านแล้วยังวางแทบวางไม่ลง หนังสือเล่มนี้แต่งโดย คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ ได้รับรางวัล ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย อาทิ เช่น รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ.2549 และยังถูกนำไปแปลในต่างประเทศกว่า 40 ภาษา>>>มากจริงๆ
ความสุขของกะทิ เป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงวัย 10 ขวบ ชื่อกะทิ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับตายาย โดยมีปริศนาแต่ต้นเรื่องว่า พ่อกับแม่ของเธออยู่ที่ไหน วันหนึ่งตายายก็พากะทิไปพบกับแม่ซึ่งกำลังป่วยหนัก กะทิได้มีโอกาสอยู่กับแม่ในระยะเวลาอันสั้น แต่เป็นช่วงที่กะทิมีความสุข กับการอยู่กับธรรมชาติ และความรักที่ได้รับจากตายาย และญาติของแม่ และวันหนึ่งแม่ได้จากกะทิไป ไขปริศนาเรื่องที่กะทิยังสงสัยอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของพ่อ และหลังจากแม่ตายแล้วน้าและลุงได้พากะทิไปยังสถานที่ที่แม่เคยอาศัยอยู่กับกะทิก่อนที่แม่จะป่วย และได้เล่าเรื่องราวของพ่อแม่ของกะทิให้ฟัง และมอบจดหมายที่แม่เขียนไว้ก่อนตาย เพื่อให้กะทิตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับพ่อ หรือจะอยู่กับตายายเหมือนเดิม โดยให้กะทิตัดสินใจที่จะส่งจดหมายไปหรือไม่ ตอนท้ายกะทิก็ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการได้.....


เรื่องราวของกะทิ ดูเหมือนเป็นเรื่องราวสุดแสนธรรมดา แต่หากใครที่เคยอ่านหนังสือเล่มเล็กเรื่องนี้แล้ว จะรู้ว่ามันไม่ธรรมดาจริงๆ>>>ด้วยภาษาเขียนเฉพาะตัวของคุณงามพรรณ การดำเนินเรื่องให้ผู้อ่านเกิดจินตนาการตาม จนถึงจุดเปลี่ยนของเรื่อง>>สะเทือนอารมณ์แบบไม่รู้ตัว รับรองอ่านแล้วอิ่ม จริงๆ

จากการที่ได้ประทับใจหนังสือเล่มนี้มาก บวกกับการที่เป็นคนชอบวาดรูปอยู่แล้วจึงนำเรื่องการเขียนภาพประกอบนี้มาเป็นหัวข้อสอบ Mini Thesis >>>> ภาพประกอบชุดนี้มีทั้งหมด 13 ภาพ ใช้เทคนิคสีดินสอทั้งหมดค่ะ



ตอนที่ชอบที่สุดน่าจะเป็นตอนนี้นะ ตอนที่กะทิเจอกับแม่ที่บ้านพักที่ทะเล>>ชอบมากๆ


ความคิดของกะทิสะดุดลงเมื่อยายก้มลงกราบพระ แล้วหันมามองกะทิ เป็นภาพที่แม้วันคืนจะผ่านไปอีกนานสักเท่าใด กะทิก็คงจะจำได้ไม่ลืม ภาพของยายที่มีเสียประกอบว่า “กะทิ อยากไปหาแม่ไหมลูก”
เหตุการณ์จากคำถามในห้องพระเหมือนเกิดขึ้นกับคนอื่น เหมือนกะทิมองดูตัวเองเคลื่อนไหวโต้ตอบ กะทิเห็นตาเดินเข้ามาในห้องพระ ดึงกะทิไปกอดไว้ แล้วพูดกับกะทิช้าๆ บอกกะทิว่า แม่ป่วย ป่วยมาก ไปรักษาตัวมาหลายแห่งแล้วแต่ไม่หาย
น้าฎาเป็นคนขับรถมารับกะทิและตากับยาย ตาให้กะทิตัดสินใจเองว่าจะไปหาแม่หรือไม่ไป ตาส่ายหน้าเหมือนไม่แน่ใจเมื่อพูดว่า ที่ผ่านมาคนอื่นๆคิดแทนกะทิมาตลอด ครั้งนี้กะทิเลือกได้ รถวิ่งลงใต้ ซ้ายมือเป็นทะเลและหาดทราย ขวามือเป็นทิวเขาที่เห็นอยู่ไกลๆ เสียงยายกับตาพูดคุยเบาๆอยู่เบาะหลัง น้าฎาพูดคุยโทรศัพท์มือถือเป็นระยะ ฟังแล้วกะทิก็รู้ว่าไปอีกไม่ไกลกะทิก็จะได้พบแม่
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ทำทุกคนนิ่งชะงัก น้าฎาค่อยๆพูดว่า จะไปกันเดี๋ยวนี้เลย เป็นครั้งแรกที่กะทิเห็นตาจูงมือยาย ยายบีบหูตะกร้าจนข้อนิ้วเป็นสีขาว ปลายนิ้วของน้าฎาเย็นจัดเมื่อสัมผัสอุ้งมืออุ่นๆของกะทิ
รถจอดหน้าบ้านหลังเล็กสีขาวสะอาดตา ไม่มีใครต้องบอก ไม่มีใครต้องสั่ง กะทิเปิดประตูรถแล้วปล่อยให้หัวใจนำทาง
แม่พรมจูบกะทิซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมยาวนุ่มของแม่หอมชื่นใจ เสียงของแม่ที่กะทิจำได้ดังอยู่ที่ริมหู
“กะทิลูกแม่ กอดแม่แน่นๆ ซีจ๊ะ ลูกรัก

* ความสุขของกะทิ>>งามพรรณ เวชชาชีวะ



>>ตอนกะทิไปอยู่บ้านกลางเมือง เพื่อตัดสินใจเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต




<< ตอนไปพักบ้านที่ชายทะเลเพื่อดูแลแม่
















พี่ทอง กับ กะทิ>>




<<คุณตากับ กะทิ ที่บ้านสวน












จักรวาลนี้กว้างใหญ่นัก มนุษย์ตัวจ้อยจะมีอำนาจอะไร

เพียงแหงนมองฟ้าก็ดูจะปลดศักดาและความมุ่งหวังเกินตัวให้หมดสิ้นได้ในบัดดล

เหลือเพียงหัวใจดวงเล็กๆ ในอกที่เต้นอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวและใฝ่หาความสุขตามอัตภาพ

ไม่ต้องการสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องการสิ่งใดที่อยู่ไกลตัว

*ความสุขของกะทิ>>งามพรรณ เวชชชีวะ